10 พ.ย. 2553
Chevrolet เวอร์ชั่น Z-Spec ของ Cruze, Volt และ Spark อวดโฉมที่ SEMA Show
Chevrolet เปิดตัวรถแนวคิดเวอร์ชั่น Z-Spec จำนวน 3 รุ่นด้วยกันในงาน SEMA Show ที่ใช้พื้นฐานของ Volt, Cruze และ Spark
เริ่มจาก Volt Z-Spec ที่ใช้ชุดแต่งบอดี้ใหม่ ไฟท้ายสไตล์ใหม่ ล้ออัลลอยเป็นขอบ 19 นิ้ว ภายในห้องโดยสารจะพบเบาะที่นั่งหุ้มหนังของ Recaro พวงมาลัยเป็นแบบขอบล่างตัดตรง โดยมีพรมปูพื้นแบบพิเศษ
ต่อด้วย Chevrolet Cruze ที่ตัวถังมีแถบสีเทาดำและขาวคาดตามยาว แผงกระจังหน้ามีการปรับใหม่ ล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้วของ BBS ภายในใช้เบาะนั่งหุ้มหนัง Recaro พวงมาลัยขอบล่างตัดตรงเช่นกัน ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำและฝาครอบสีโลหะ ในด้านสมรรถนะ Cruze ได้รับการติดตั้งระบบกันสะเทือนแนวสปอร์ต เบรค Brembo ระบบไอดี K&N และระบบไอเสียแบบ high flow จาก Borla
ท้ายสุดคือ Spark Z-Spec ที่มาพร้อมกับแผงกระจังหน้าปรับปรุงใหม่ สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอย BBS ขอบ 17 นิ้ว ภายในก็เหมือนๆกับ 2 รุ่นข้างต้นคือ พวงมาลัยขอบล่างตัดตรง เบาะหนัง Recaro พรมปูพื้นลายพิเศษ และหัวเกียร์อลูมิเนียม General Motors กำลังอยู่ในช่วงของการประเมินความเป็นไปได้ของโครงการชุดแต่ง Z-Spec ซึ่งถ้าอนุมัติก็จะมีการจำหน่ายชุดแต่งนี้ผ่านตัวแทนของบริษัทฯครับ
9 พ.ย. 2553
“วี-สปีด”ขาย“มินิ คันทรี่แมน”เจ้าแรก 2.99 ล้านบ.
เกรย์มาร์เก็ตน้องใหม่ “วี-สปีด ออโต้ อิมพอร์ต” (V-SPEED) ปาดหน้าทุกค่าย รวมถึงตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย (มิลเลเนียม ออโต้) จัดงานเปิดตัว “มินิ คันทรี่แมน” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นการเผยโฉมกับสื่อมวลชนก่อนจะจัดงานให้ลูกค้าได้สัมผัสตัวเป็นๆวัน จันทร์ที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ที่โชว์รูมถนนพหลโยธิน(ย่านซอยอารีย์)
สำหรับ“มินิ คันทรี่แมน” รุ่นที่ “วี-สปีด” นำมาอวดโฉมเป็นรุ่น คูเปอร์ ดี (Cooper D) เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล ประกบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ดีเซล เกียร์อัตโนมัติยังไม่ได้ผลิต) ที่เพิ่งเริ่มส่งมอบให้ดีลเลอร์ประเทศอังกฤษช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่ง“วี-สปีด” ยืนยันว่าเป็น “มินิ คันทรี่แมน” คันแรกของประเทศ พร้อมเปิดราคา 3.59 ล้านบาท แต่พิเศษช่วงแนะนำลดให้แบบเป็นกันเองเหลือ 2.99 ล้านบาท เท่ากันทั้งรุ่น คูเปอร์ ดี และ คูเปอร์ เอส (เบนซิน)
โดย “วสินธ์ ศิริรัตน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วี-สปีด ออโต้ อิมพอร์ต จำกัด เปิดเผยว่า วันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ บริษัทเตรียมจัดงานเปิดตัว“คันทรี่แมน” กับลูกค้าพร้อมรับจองทันที และคาดว่าจะมียอดถึง30 คัน โดยลูกค้าที่จอง “คันทรี่แมน” ภายในงานจะได้ราคาพิเศษ 2.99 ล้านบาท โดยจะมีรถส่งมอบในอีก 3 เดือนข้างหน้า
สำหรับ“คันทรี่แมน” เป็นรถสายพันธุ์ใหม่ของมินิ ด้วยตัวถัง 5 ประตู สไตล์ยกสูง พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ ALL4 ซึ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยการขับขี่จริงจะกระจายกำลังของเครื่องยนต์ไปสู่ล้อหน้าและหลังตามความ เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งการขับปกติกำลังส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังล้อหน้า และกำลังที่ถูกส่งมายังล้อหลังจะแปรผันอยู่ในระดับไม่เกิน 50% และติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครันทั้งระบบควบคุมการทรงตัว หรือ DSC และระบบป้องกันการลื่นไถล DTC
อย่างไรก็ตามบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เตรียมเปิดตัว “มินิ คันทรี่แมน” รุ่น คูเปอร์ เอส อย่างเป็นทางการในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2010 ต้นเดือนธันวาคมนี้
Mini WRC 2011 มินิ คันทรีแมนตัวแข่ง
กลายเป็นน้องใหม่ในสังเวียนการแข่งขันแรลลี่โลกไปแล้วสำหรับมินิ เมื่อแบรนด์ดังในเครือบีเอ็มดับเบิลยูตัดสินใจคัมแบ็คสู่การแข่งขันแรลลี่ โลกอีกครั้ง ด้วยตัวแข่งรุ่นใหม่ที่แชร์พื้นฐานจากมินิ เอสยูวีรุ่น คันทรีแมน โดยในปีหน้าจะลงแข่ง 6 จาก 13 สนาม เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องพร้อมลงแข่งเต็มฤดูกาลในปี 2012 นอกจากนั้น Prodive ซึ่งเป็นพันธมิตรในการพัฒนาตัวแข่งรุ่นนี้ ยังจะผลิต MINI WRC ให้กับทีมอิสระที่สนใจนำไปลงแข่งด้วย
มินิ คันทรีแมนตัวแข่งได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์ตามกฏของ รถแข่งในคลาส Super 2000 ของ FIA และเครื่องยนต์ก็ได้รับการพัฒนาจากทาง BMW Motorsport ซึ่งใช้พื้นฐานเครื่องยนต์จากรุ่น MINI Cooper โดยตัวรถได้รับการลดความสูง และปรับปรุงรูปแบบตัวรถจากเอสยูวี 4 ประตูคันสูงมาเป็นรถแข่งที่มีความสูงไม่มากนัก
สำหรับหัวใจของการขับเคลื่อนซึ่ง เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาดความจุ 1,600 ซีซี จะพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection ฉีดน้ำมันตรงเข้ากระบอกสูบและระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC, เทอร์โบของ Garrett ปรับบูสต์เอาไว้ที่ 2.5 บาร์ และเทคโนโลยีการจ่ายน้ำมันเครื่องแบบ Dry Sump
สำหรับล้อมาจากค่าย ATS gxHoขนาด 15 นิ้วสำหรับทางวิบากและ 18 นิ้วสำหรับทางราดยาง โดยใช้ยางจาก Michelin ในส่วนของระบบเบรกเป็นของ AP Racing แบบ 4 ลูกสูบ โดยใช้จานเบรกขนาด 300 มิลลิเมตรทั้งด้านหน้าและหลังสำหรับวิ่งบนทางวิบาก และขนาด 355 มิลลิเมตรทั้ง 4 ล้อสำหรับทางราดยาง
Honda CBR150R ใหม่ เครื่องหัวฉีด7.59 หมื่นบาท
บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดตัวจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ต “ฮอนด้า ซีบีอาร์ โฉมใหม่” (All New Honda CBR150R) ตัวถังใหญ่กว่าเดิม พกเครื่องยนต์ 150 ซีซี หัวฉีด PGM-FI แรงเต็มพิกัด แต่ให้อัตราการบริโภคน้ำมันต่ำกว่ารุ่นเดิม สนนราคา 75,900 บาท
เจ้าพ่อรถจักรยานยนต์เมืองไทย เดินหน้าลุยยุทธศาสตร์การเปลี่ยนยุคแห่งการขับขี่สู่เครื่องยนต์หัวฉีด ล่าสุดเปิดตัวยนตรกรรมสปอร์ตรุ่น“CBR150R” ครั้งแรกของเมืองไทยกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์ 150 ซีซี ขุมพลังหัวฉีด PGM-FI หวังปลุกกระแสความเร้าใจของตลาดรถสปอร์ตในเมืองไทยให้กับมาคึกคักอีกครั้ง
ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 อาร์ ถูก พัฒนาขึ้นเพื่อตลาดรถจักรยานยนต์ประเทศไทยโดยเฉพาะ ซึ่งคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าชาวไทยเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งการพัฒนาติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ ตลอดจนเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ใหม่ให้เป็น Image รถบิ๊กไบค์ระดับโลกรอบคัน
ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 อาร์ นอกจากเป็นรถสปอร์ตหัวฉีด PGM-FI ในระดับ 150 ซีซี ตัวแรกของประเทศไทยแล้ว ยังมาพร้อมมาตรฐานเครื่องยนต์ DOHC 4 วาล์ว 6 เกียร์ ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อมพัดลมไฟฟ้าอัตโนมัติ ปฏิวัติรูปโฉมใหม่ทั้งหมด กับรูปทรงเท่สไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมมาดเข้มดุดันมากขึ้นกับ Sporty Full Cowling เท่ทรงพลังตั้งแต่หน้ากากจรดไฟหน้า กับถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่จุน้ำมันได้มากขึ้นถึง 13 ลิตร, ครั้งแรกกับนาฬิกาดิจิตอลบนหน้าปัดเรือนไมล์สุดหรู ที่แสดงผลบนจอ LCD พร้อมระบบ ODO Meter วัดระยะการเดินทาง และอุปกรณ์มาตรฐานเดียวกับรถสปอร์ตชั้นสูงระดับโลกรอบคัน
พร้อมเผยโฉมความร้อนแรงแบบสปอร์ตตัวจริงด้วยกันถึง 3 สี หลากสไตล์ ได้แก่ Sporty R.W.B (แดง-ขาว-น้ำเงิน) มาดสปอร์ตเท่ให้อารมณ์สายพันธุ์นักแข่ง, X-Treme RED (แดง) สปอร์ตจัดจ้าน ร้อนแรง และ Night Black (ดำ) สปอร์ตมาดเข้ม ดุดันทุกการเคลื่อนไหว
ซีบีอาร์ 150 อาร์ ราคา 75,900 บาท โดยฮอนด้าตั้งเป้าขาย10,000 คันต่อปี พร้อมเตรียมเผยโฉมอย่างเป็นทางการ และเปิดให้ทดลองขับที่งาน “Big Fun Fest by Honda” มหกรรมความมันส์ สนุก สุดเซอร์ไพรส์ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) วันที่ 30 ตุลาคมนี้ จากนั้นจะเริ่มส่งรถสู่ตลาดตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
นอกจากนี้ฮอนด้ายังเอาใจคน หัวใจสปอร์ต ด้วยข้อเสนอสำหรับ 1,000 คันแรก รับฟรีทันทีเสื้อแจ๊คเก็ตสุดเท่มูลค่ากว่า 2,000 บาท (ของมีจำนวนจำกัด) พร้อมแพคเกจ บริการช่วยเหลือกรณีรถเสียฉุกเฉิน และบริการช่วยเหลือทางการแพทย์ ระยะเวลา 1 ปี จาก Honda Roadside Assistance รวมถึงคอร์สเสริมทักษะการขับขี่ปลอดภัย ตามเงื่อนไขของทางบริษัทฯ
Honda 3R-C ต้นแบบรถสามล้อพลังงานไฟฟ้า
Honda ไม่เคยห่างหายจากการออกแบบรถมอเตอร์ไซค์สวยๆให้ตื่นตาตื่นใจของคนรักที่จะ เดินทางอยู่เสมอ หลังจากสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ระดับพรีเมี่ยมอย่าง PCX ในเมืองไทยไปแล้ว ล่าสุดเตรียมอวดรถ 3 ล้อพลังงานไฟฟ้าโฉมไฮเทคที่ยังถือว่าอยู่ในช่วงของการศึกษาความเป็นไปได้ใน การสร้างอยู่ 3R-C คือชื่อของรถ 3 ล้อคันที่เห็นนี้ โดย 3R-C ได้รับการออกแบบโดยทีมงานวิจัยและออกแบบของ Honda ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งรถรุ่นนี้จะขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ที่ติดตั้งไว้ใต้ โครงสร้างตัวถังของรถ
ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้ก็คือ การใช้ชิลด์บังลมเป็นหลังคาไปในตัว โดยสามารถยืดเข้าออกได้คล้ายหลังคาของรถยนต์เปิดประทุน 3R-C มีกำหนดการไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อร่วมงาน Geneva Motor Show เช่นกัน ส่วนการที่ Honda จะผลิตออกมาจำหน่ายจริงในตอนท้ายที่สุดหรือไม่ ก็ต้องรอชมกันต่อไป
6 พ.ย. 2553
เปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์โฉมใหม่ 2011
Ford ได้ปล่อยภาพ All-New Ford Ranger ปี 2011 ก่อนเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งาน Australian International Motor Show ในเมืองซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่จัดขึ้นในสัปดาห์นี้ โดย Ford จะเริ่มจำหน่าย All-New Ranger พร้อมกันทั่วโลกใน 180 ประเทศยกเว้นสหรัฐอเมริกา! ซึ่ง Ford ได้พัฒนากระบะรุ่นนี้ร่วมกับ Mazda ซึ่งก็จะเปิดตัว BT-50 ในงานเดียวกันนี้เช่นกัน
Ford Ranger รุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบให้ขยับเข้าใกล้ความเป็นรถยนต์นั่งมากขึ้นในแง่ ของดีไซน์ การตกแต่งภายใน และเทคโนโลยีต่างๆที่ใช้ โดย Ranger จะมีรูปทรง Cab Body ใน 3 สไตล์ มีระบบขับเคลื่อนแบบ 4X2 และ 4X4 มี 2 ระดับความสูง และ 4 รุ่นย่อยให้เลือก
เครื่องยนต์ทางเลือกเป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล Duratorq TDCi ของ Ford จำนวน 2 รุ่นด้วยกันคือ เครื่องยนต์ 4 สูบ TDCi 2.2 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ 5 สูบ แถวเรียง TDCi 3.2 ลิตร 200 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะและเกียร์ธรรมดาแบบใหม่ สำหรับรุ่นขับเคลื่อนแบบ 4WD จะมีการติดตั้ง Transfer Case อิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนจากระบบ 4×2 เป็น 4×4 ผ่านสวิทช์ที่ติดตั้งบนคอนโซล ในขณะที่การเปลี่ยนเกียร์ต่ำก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน
Ford เผยว่าพื้นที่จุสัมภาระของรุ่น Double Cab จะมีขนาดกว้างกว่าเดิม 100 มิลลิเมตรคือ 1,560 มิลลิเมตร ในขณะที่มีความยาวและสูง 1,549 และ 511 มิลลิเมตรตามลำดับ โดยมีปริมตรความจุที่ประมาณ 1.21 ลูกบาศร์เมตร
Ranger ทุกรุ่นจะมาพร้อมระบบควบคุมความเสถียรอิเล็กทรอนิกส์ ESP แบบใหม่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนเทคโนโลยีอื่นๆได้แก่ เซนเซอร์ถอยหลัง กล่องมองหลังแบบใหม่ ถุงลิมนิรภัยด้านข้างที่มีในทุกรุ่นเป็นครั้งแรก
Ford จะทำการผลิต Ranger รุ่นใหม่นี้ที่โรงงาน 3 แห่งโดยจะเริ่มทำการผลิตเพื่อป้อนตลาดในช่วงฤดูร้อนปีหน้าในโรงงานที่ จังหวัดระยอง ประเทศไทยเป็นที่แรก ตามด้วยอีก 2 แห่งในอาร์เจนติน่าและแอฟริกาใต้
Honda Jazz (Fit) ปรับโฉมใหม่ส่ง Hybrid ลงขาย
รุ่น Hybrid
ริ่มกันที่รุ่นธรรมดาก่อน ซึ่งการปรับโฉมครั้งนี้ Honda Jazz (Fit) มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สดใหม่ขึ้นในระดับหนึ่ง เช่น กันชนหน้าใหม่ที่ดูสปอร์ตขึ้น สีตัวถังใหม่ในรุ่นสปอร์ต RS พร้อมกับล้อแม็กลายใหม่ กระจังหน้าใหม่เปลี่ยนเป็นแถบใหญ่ขึ้น ส่วนด้านท้ายเปลี่ยนไฟท้ายใหม่มาใช้หลอดแบบ LED เช่นเดียวกับกันชนที่ดูสปอร์ตขึ้น
สำหรับในห้องโดยสารออาจจะขัดใจสักหน่อย เพราะดูจากภาพโดยรวมแล้วแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในจุดหลักๆ เลยจะต่างออกไปก็ตรงที่วัสดุที่ใช้ในการตกแต่ง 2 ทางเลือกในการทำตลาดสำหรับเวอร์ชันธรรมดาบนพื้นฐานของเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง SOHC i-VTEC 16 วาล์ว เริ่มกับรุ่น 1,300 ซีซี ถ้าขับหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อเมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะมีกำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที แต่ถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อ เนื่อง หรือ CVT จะลดลงมาอยู่ที่ 99 แรงม้า และ 12.8 กก.-ม. ที่รอบเครื่องยนต์เท่าเดิม
อีกรุ่นเป็น 1,500 ซีซี มีกำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.8 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที ถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าจะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อ เนื่อง แต่ถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ และมีรุ่นพิเศษตกแต่งแบบสปอร์ตในรหัส RS ใช้เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะขับเคลื่อนล้อหน้า หรือถ้าไม่อยากเหยีบบคลัตช์เมื่อยขาก็มีรุ่น CVT เป็นอีกทางเลือก
ต้องบอกว่าในรุ่นปรับโฉมนี้มีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การปรับโฉมให้กับรุ่นธรรมดา และการเพิ่มทางเลือกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือ เวอร์ชันไฮบริด
สำหรับของใหม่ที่น่าสนใจ คือ รุ่นไฮบริด ซึ่งแชร์พื้นฐานเดียวกับรุ่นอินไซท์ ขณะที่รหัสตัวถังจะถูกเปลี่ยนจาก GE ในรุ่นปกติมาเป็น GP โดยตัวเครื่องยนต์เป็นเทคโนโลยี IMA หรือ Integrated Motor Assist ในรหัส LDA-MF6 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ SOHC i-VTEC แบบ 16 วาล์ว 1,300 ซีซีเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก มีกำลังสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการขับเคลื่อนขนาด 14 แรงม้า ที่ 1,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 8.0 กก.-ม. ที่ 1,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT ซึ่งมีการปรับอัตราทดแตกต่างจากรุ่นธรรมดา
หน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่แตกต่างจากระบบ IMA ทั่วไป คือ เน้นช่วยขับเคลื่อนในจังหวะที่ต้องการพลังหรือกำลังเป็นพิเศษ เช่น การเร่งแซง และเปลี่ยนหน้าที่ชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเมื่อมีการถอนคันเร่ง หรือเบรก รวมถึงมีระบบ Auto Start/Stop ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดติดอยู่กับที่
สำหรับความประหยัดน้ำมันถ้าเป็นรุ่นธรรมดาจะอยู่ที่ 16.4-24 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการทดสอบตามโหมด 10-15 แต่ถ้าเป็นโหมดใหม่ JC-08 ตัวเลขจะอยู่ที่ 15.2-20.6 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนรุ่นำไฮบริดอยู่ที่ 30.0 และ 26.0 กิโลเมตร/ลิตรตามลำดับ
ในรุ่นปรับโฉมของฟิต ที่ขายในญี่ปุ่นจะมีราคาสำหรับรุ่นธรรมดาอยู่ที่ 1.23-1.68 ล้านเยน หรือ 440,000-604,000 บาท ส่วนรุ่นไฮบริดอยู่ที่ 1.59-2.1 ล้านเยน หรือ 570,000-756,000 บาท ส่วนบ้านเราต้องรอดูต่อไปว่าจะมีเฉพาะการปรับโฉมเท่านั้น หรือว่าจะใจถึงเอารุ่นไฮบริดมาสร้างสีสันในตลาด
รุ่น ธรรมดา
ที่มา – manager
5 พ.ย. 2553
Honda ส่ง CR-Z Hybrid R และ Racer เข้าร่วม SEMA Show
Honda ก็ไม่พลาดที่จะส่งรถแต่งเข้าร่วมงาน SEMA Show ด้วยเช่นกัน งานนี้จัดแจงส่งรถไฮบริดลูกรักอย่าง CR-Z เข้าสยบคู่แข่งด้วยกัน 2 รุ่นคือ CR-Z Hybrid R และ CR-Z Racer โดยฝีมือการแต่งของบริษัททีมแข่งรถประจำอเมริกาเหนือภายใต้สังกัดอย่าง Honda Performance Develoipment หรือเรียกสั้นๆว่า HPD
Honda CR-Z ทั้งสองคันนี้ได้รับการเพิ่มสมรรถนะเหมือนๆกันโดยการติดตั้งเทอร์โบชาร์จ เจอร์ และระบบไฮบริด IMA ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทำให้รถมีกำลังมากถึง 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 175 ปอนด์ฟุต นอกจากนั้นยังมีการใช้ระบบคลัทช์ประสิทธิภาพสูง Differential แบบ Limited Slip ระบบกันสะเทือนที่ได้รับการปรับแต่งระบบอิเล็กทรอนิกส์ เบรคชุดใหม่ และแอโรพาร์ท
CR-Z Hybrid R ได้รับการพัฒนามาเพื่อใช้ขับบนท้องถนนทั่วไปแต่ให้ความรู้สึกเหมือนรถแข่ง ด้วยการใช้เบาะที่นั่งแบบโอบรอบคนขับของ Recaro โดยมีพวงมาลัยขอบแดงตามสีตัวถังภายนอก ในส่วนของ Racer ชื่อก็บอกชัดเจนว่าเป็นรถที่ใช้แข่ง งานนี้มีการตัดเอาอุปกรณ์ต่างๆที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อลดน้ำหนักรถ แต่ได้มีการติดตั้งชุดแต่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นเบาะที่นั่งสไตล์รถแข่งจาก Sparco กรงนิรภัย ซึ่ง Honda เปิดเผยว่าจะมีการส่ง CR-Z Racer จำนวน 2 คัน เข้าร่วมแข่งขันในรายการ 25 Hours of Thunderhill Endurance ในเดือนธันวาคมนี้เพื่อประกาศศักดาว่าข้าแรงจริง! ภาพสวยๆของรถทั้ง 2 คันต่อจากนี้ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)